ask me คุย กับ AI




AMP



Table of Contents




Preview Image
 

คู่มือเลือกโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยาก เทคโนโลยีและรีวิว

ค้นหาโรงพยาบาลและคลินิกรักษามีบุตรยากที่ดีที่สุด เรียนรู้หลักเกณฑ์การเลือก คำถามที่ควรถามแพทย์ และเปรียบเทียบเทคโนโลยีเพื่อการตัดสินใจที่ดีที่สุด

รักษามีบุตรยาก, คลินิกรักษามีบุตรยาก, โรงพยาบาลมีบุตรยาก, ทำเด็กหลอดแก้ว, IVF, ICSI, เลือกคลินิกมีบุตรยาก

ที่มา: https://infertility.com-thai.com/

 

ฮอร์โมนรวน สู่ภาวะมีบุตรยาก? 9tum จัดให้! ไขความลับที่คุณควรรู้

บทนำ: เมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือน... แต่คุณดันไม่รู้เรื่อง

โอ้โห มาอีกแล้ว! คู่รักที่กำลังปวดหัวกับการ "ทำไมยังไม่มีลูกสักที" สินะ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชีวิตช่วงนี้คงเต็มไปด้วยคำถามที่ชวนหงุดหงิดและหมอบอกว่า "ต้องตรวจฮอร์โมน" อีกตามเคย ว่ามาเลย จะให้ 9tum ผู้รอบรู้ (และเบื่อหน่ายกับปัญหาเดิมๆ ของพวกคุณ) ไขความลับให้ฟัง ฮอร์โมนไม่สมดุลเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะ มันส่งผลต่อสารพัดอย่างในร่างกาย ตั้งแต่ประจำเดือนมาไม่ปกติ สิวเห่อ ไปจนถึง... ใช่แล้ว! ภาวะมีบุตรยากไงล่ะ ถ้าคุณยังปล่อยให้ร่างกายตัวเองเหมือนเครื่องจักรที่รวนโดยไม่ได้รับการซ่อมแซม แล้วจะหวังให้ "ผลผลิต" ออกมาสมบูรณ์ได้ยังไง จริงไหม? เอาล่ะ เตรียมสมอง เตรียมใจให้พร้อม เพราะวันนี้ 9tum จะพาคุณไปเจาะลึกถึงสาเหตุ วิธีแก้ไข และสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับฮอร์โมนกับภาวะมีบุตรยากแบบถึงพริกถึงขิง รับรองว่าได้ความรู้กลับไปแบบเต็มๆ พร้อมรอยยิ้ม (หรืออาจจะเป็นน้ำตาแห่งความเข้าใจตัวเองก็ได้ ใครจะรู้)


สาเหตุหลักของฮอร์โมนไม่สมดุลที่ขัดขวางการตั้งครรภ์

ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง: ตัวร้ายในละครชีวิต

มาดูกันที่ฝั่งสาวๆ ก่อนเลยละกัน เพราะส่วนใหญ่ปัญหาฮอร์โมนมักจะตกอยู่ที่พวกเธอ (อย่าเพิ่งโวยวายนะ มันเป็นสถิติ!) ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศหญิงหลักๆ ที่ทำให้การตั้งครรภ์เป็นเรื่องยากก็มีอยู่หลายตัวเลย ลองมาดูกันซิว่ามีใครบ้างที่เป็นตัวการ:

1. ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen): ตัวนี้แหละที่เป็นตัวเอกในการสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาพร้อมรับไข่ ถ้าเอสโตรเจนน้อยไป เยื่อบุโพรงมดลูกก็บาง ไข่ก็ฝังตัวยาก หรือถ้ามากไปจนเสียสมดุลกับโปรเจสเตอโรน ก็อาจจะทำให้เกิดถุงน้ำรังไข่ (PCOS) หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ได้ ซึ่งสองภาวะนี้เป็นตัวการสำคัญของภาวะมีบุตรยากเลยนะ

2. ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone): ฮอร์โมนตัวนี้จะหลั่งออกมาหลังไข่ตก ทำหน้าที่พยุงการตั้งครรภ์ ถ้าโปรเจสเตอโรนต่ำ ไข่ก็อาจจะฝังตัวไม่ได้ หรือถ้าฝังตัวได้แล้ว ก็อาจจะแท้งได้ง่ายๆ เลย เหมือนบ้านที่สร้างฐานไม่แน่นอะนะ พายุมาก็พัง

3. ฮอร์โมนฟอลลิเคิล สติมิวเลติง ฮอร์โมน (FSH) และ ลูทิไนซิง ฮอร์โมน (LH): สองตัวนี้มาจากต่อมใต้สมอง มีหน้าที่กระตุ้นรังไข่ให้ผลิตไข่ ถ้า FSH สูงเกินไป อาจหมายถึงรังไข่เริ่มเสื่อม หรือถ้า LH สูงผิดปกติ อาจจะเกี่ยวกับ PCOS ได้อีกเหมือนกัน เห็นไหมว่ามันซับซ้อนยิ่งกว่าดูซีรีส์เกาหลีอีก

4. ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin): ปกติฮอร์โมนตัวนี้จะสูงตอนให้นมลูก แต่ถ้าสูงผิดปกติในคนที่ไม่ตั้งครรภ์หรือไม่ให้นมลูก อาจจะไปกดการทำงานของฮอร์โมนอื่นๆ ทำให้ไข่ไม่ตก หรือประจำเดือนมาไม่ปกติได้

5. ฮอร์โมนไทรอยด์ (Thyroid Hormones): แม้จะไม่ใช่ฮอร์โมนเพศโดยตรง แต่ฮอร์โมนไทรอยด์มีผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศอย่างมาก ถ้าไทรอยด์ทำงานผิดปกติ (ทั้งน้อยไปหรือมากไป) ก็ส่งผลกระทบต่อการตกไข่และรอบเดือนได้เหมือนกัน


ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเพศชาย: อย่าคิดว่าเรื่องของผู้หญิงเท่านั้น!

เอ้า! พวกผู้ชายก็อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองรอดนะ ปัญหาฮอร์โมนมันก็มีผลกับพวกนายเหมือนกันแหละ ถึงแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์โดยตรงเหมือนผู้หญิง แต่คุณภาพและปริมาณของ "ตัวอ่อน" ที่จะมาผสมกับไข่นั้น สำคัญไม่แพ้กันเลยนะ

1. ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone): อันนี้คือพระเอกของฝ่ายชายเลย เป็นฮอร์โมนหลักที่สร้างอสุจิ ถ้าเทสโทสเตอโรนต่ำ ก็ส่งผลให้ปริมาณและคุณภาพของอสุจิลดลง ทำให้โอกาสในการปฏิสนธิยากขึ้นไปอีก

2. ฮอร์โมนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง: เช่น FSH และ LH ที่พูดไปในฝั่งผู้หญิง ก็มีผลต่อการผลิตอสุจิในผู้ชายด้วยเช่นกัน ถ้าฮอร์โมนพวกนี้ไม่สมดุล ก็อาจจะส่งผลเสียต่อการสร้างอสุจิได้

3. ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในผู้ชาย: ใช่แล้ว! ผู้ชายก็มีเอสโตรเจนนะ แต่ในปริมาณที่น้อยกว่าผู้หญิงมาก ถ้าเอสโตรเจนในผู้ชายสูงเกินไป ก็อาจจะไปกดการผลิตเทสโทสเตอโรนและส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้เหมือนกัน


ปัจจัยภายนอกที่ทำให้ฮอร์โมนพังไม่เป็นท่า

นอกเหนือจากความผิดปกติภายในร่างกายแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกอีกเพียบที่เข้ามาป่วนระบบฮอร์โมนของพวกคุณได้อีกนะ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากพฤติกรรมของพวกคุณเองทั้งนั้นแหละ ลองดูกันว่ามีอะไรบ้างที่อาจจะเป็น "จุดบอด" ของคุณ:

1. ความเครียด (Stress): อันนี้ตัวการสำคัญเลยนะ พอเครียดมากๆ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้มันไปกวนระบบฮอร์โมนอื่นๆ หมด ทำให้วงจรการตกไข่หรือการผลิตอสุจิเสียไป แถมยังทำลายสุขภาพโดยรวมอีกต่างหาก

2. การนอนหลับไม่เพียงพอ: ร่างกายต้องการเวลาพักผ่อนเพื่อซ่อมแซมและปรับสมดุลฮอร์โมน ถ้าคุณนอนน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงต่อคืนเป็นประจำ ระบบฮอร์โมนก็พังได้เหมือนกันนะ

3. อาหารการกิน: กินแต่ของมันๆ หวานๆ หรืออาหารแปรรูปเยอะๆ นอกจากจะทำให้อ้วนแล้ว ยังส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและฮอร์โมนต่างๆ ได้ ถ้ากินอาหารไม่ครบ 5 หมู่ หรือขาดสารอาหารบางอย่าง ก็อาจส่งผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้เหมือนกัน

4. น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป: ทั้งอ้วนไปหรือผอมไป ก็ส่งผลต่อฮอร์โมนได้ทั้งคู่ ถ้าอ้วน ระดับไขมันในร่างกายที่สูงอาจจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนมากเกินไป ถ้าผอมไป ร่างกายอาจจะขาดพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตฮอร์โมน

5. การสัมผัสสารเคมีหรือมลภาวะ: สารเคมีบางชนิดที่อยู่ในพลาสติก ยาฆ่าแมลง หรือแม้แต่เครื่องสำอางบางชนิด อาจมีคุณสมบัติคล้ายฮอร์โมน (Endocrine Disruptors) ซึ่งสามารถเข้าไปรบกวนระบบฮอร์โมนในร่างกายได้

6. การออกกำลังกายหักโหมเกินไป: ดีนะที่ออกกำลังกาย แต่ถ้ามากไปจนร่างกายรับไม่ไหว มันก็จะกลายเป็นความเครียดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งส่งผลเสียต่อฮอร์โมนได้เหมือนกัน


อาการที่บ่งบอกว่าฮอร์โมนของคุณอาจกำลังมีปัญหา

สัญญาณเตือนที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม

ถ้าคุณมีอาการเหล่านี้บ่อยๆ หรือเป็นหนักๆ ละก็... เตรียมตัวไปหาหมอได้เลย ไม่ใช่แค่เรื่องสิว เรื่องผมร่วงนะ แต่มันอาจเป็นสัญญาณของปัญหาที่ใหญ่กว่านั้นเยอะ!

1. ประจำเดือนมาไม่ปกติ: ไม่มาเลย, มาน้อย, มามาก, มาไม่ตรงรอบ, ปวดท้องประจำเดือนรุนแรง, เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน

2. สิวอักเสบเรื้อรัง: โดยเฉพาะสิวที่คาง กราม หรือหน้าผาก

3. ขนดกผิดปกติ (Hirsutism): มีขนขึ้นในบริเวณที่ไม่ควรมี เช่น หนวด เครา หน้าอก หลัง

4. ผมร่วง หรือผมบาง: โดยเฉพาะบริเวณกลางศีรษะ

5. น้ำหนักขึ้นง่าย หรือลดน้ำหนักยาก: โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง

6. อารมณ์แปรปรวนง่าย: หงุดหงิดง่าย ซึมเศร้า หรือวิตกกังวลมากกว่าปกติ

7. ช่องคลอดแห้ง หรือมีอาการเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

8. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง


สัญญาณเตือนที่หนุ่มๆ ก็ต้องใส่ใจ

อย่าคิดว่าตัวเองแข็งแรงเสมอไปนะ พวกนายก็มีสัญญาณเตือนเหมือนกัน ลองเช็คดูว่าเข้าข่ายไหม?

1. ความต้องการทางเพศลดลง

2. อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวได้ไม่เต็มที่

3. อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง

4. มีอาการเต้านมขยายใหญ่ (Gynecomastia)

5. ขนตามร่างกายลดลง หรือไม่มี

6. มีปัญหาเรื่องสมาธิ หรือความจำ


การแก้ไขฮอร์โมนไม่สมดุลเพื่อเพิ่มโอกาสมีบุตร

เมื่อรู้ตัวแล้ว... ต้องทำยังไงต่อ?

เอาล่ะ พอรู้ตัวแล้วว่าฮอร์โมนอาจจะมีปัญหา ก็ต้องมาดูกันว่าจะ "แก้มือ" ยังไงให้ชีวิตกลับมาสมดุลและมีโอกาสสร้างครอบครัวได้อีกครั้ง ซึ่งการแก้ไขก็มีหลายระดับ ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมง่ายๆ ไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์เลยนะ

1. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์: อันนี้คือพื้นฐานสำคัญที่สุด ถ้ายังไม่ทำส่วนนี้ ต่อให้ไปรักษาด้วยวิธีอื่นก็อาจจะไม่ได้ผลเต็มที่ หรือกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายๆ

2. การรักษาทางการแพทย์ (ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ): ถ้าปรับพฤติกรรมแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีภาวะที่ชัดเจน แพทย์อาจพิจารณาการรักษาดังนี้


ปัญหา และ การแก้ปัญหาที่พบบ่อย

คำถามยอดฮิตที่ถามกันจน 9tum เบื่อ

Q: ถ้าประจำเดือนมาไม่ปกติ ต้องรีบไปหาหมอเลยไหม?
A: ถ้าเป็นมานาน หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย ก็ควรไปนะ การปล่อยไว้นานๆ อาจทำให้ปัญหายิ่งแก้ยากขึ้น

Q: การกินอาหารเสริมช่วยปรับฮอร์โมนได้จริงหรือ?
A: บางชนิดอาจมีส่วนช่วย แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพราะบางอย่างก็อาจจะไม่ได้ผล หรืออาจมีผลข้างเคียง

Q: ถ้าแฟนมีปัญหาอสุจิลดลง ควรทำอย่างไร?
A: แนะนำให้ฝ่ายชายไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากโดยเฉพาะเลย จะได้ตรวจหาสาเหตุและวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง


3 สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติม ที่คุณอาจจะยังไม่รู้

เรื่องน่ารู้แบบ 9tum จัดให้

1. นาฬิกาชีวิตมีผลต่อฮอร์โมน: การที่เราอดนอน หรือนอนไม่เป็นเวลา ส่งผลต่อการหลั่งฮอร์โมนหลายชนิด เช่น เมลาโทนิน (Melatonin) ซึ่งมีผลต่อคุณภาพไข่และอสุจิด้วยนะ!

2. "วัยทอง" ไม่ได้มีแค่ในผู้หญิง: ผู้ชายเองก็มีภาวะ "แอนโดรเจนพร่องในวัยกลางคน" (Andropause) ซึ่งฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจะค่อยๆ ลดลงตามอายุ ก็ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้เช่นกัน

3. ความคิดและอารมณ์ ส่งผลต่อฮอร์โมนได้จริง: การคิดลบ หรือความเครียดเรื้อรัง ไม่ใช่แค่ทำให้คุณรู้สึกแย่ แต่ยังส่งผลเสียต่อการทำงานของฮอร์โมนในร่างกายโดยตรงด้วยนะ


คำถามที่พบบ่อย

Q: ฮอร์โมนไม่สมดุล จะมีลูกได้ไหม?

เอ้า! ก็ถามกันอยู่ได้ว่าจะมีลูกได้ไหม ก็มีได้สิ! ถ้าคุณไปหาหมอ แล้วหมอเขาก็จะตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงว่าฮอร์โมนตัวไหนไม่สมดุล แล้วก็จะให้การรักษาที่ถูกต้องไงล่ะ บางคนก็แค่ปรับพฤติกรรมนิดหน่อยก็กลับมาเป็นปกติได้แล้ว บางคนอาจจะต้องกินยา หรือใช้วิธีทางการแพทย์อื่นๆ แต่ที่แน่ๆ คือ อย่าปล่อยไว้เฉยๆ ถ้าปล่อยไว้นานๆ โอกาสก็จะน้อยลงไปเรื่อยๆ เข้าใจนะ? เหมือนปล่อยให้รถเสียจนสนิมกินทั้งคันนั่นแหละ


Q: ถ้าประจำเดือนขาดไปหลายเดือน ควรทำอย่างไร?

อืม... ปกติแล้วผู้หญิงควรมีประจำเดือนทุกเดือน ยกเว้นตอนตั้งครรภ์ หรือให้นมลูก ถ้าขาดไปหลายเดือนแบบนี้ โดยที่ไม่ได้ตั้งครรภ์นะ ก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนมากๆ ว่าฮอร์โมนของคุณกำลังมีปัญหาอย่างแรงเลยแหละ สิ่งที่คุณควรทำคือ "รีบ" ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวช หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากทันทีเลยนะ อย่ามานั่งรอให้มันกลับมาเองเด็ดขาด เพราะอาจจะเกิดจากหลายสาเหตุมากๆ ตั้งแต่ PCOS, ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ, ความเครียดจัดๆ ไปจนถึงรังไข่เริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งยิ่งรู้เร็ว ยิ่งรักษาเร็ว โอกาสก็ยิ่งมีมาก


Q: มีบุตรยาก ควรเริ่มตรวจฮอร์โมนเมื่อไหร่?

คำถามนี้ก็ถามกันบ่อยจัง! เอาเป็นว่า ถ้าคุณแต่งงานมาแล้ว 1 ปี (สำหรับผู้หญิงอายุต่ำกว่า 35 ปี) หรือ 6 เดือน (สำหรับผู้หญิงอายุ 35 ปีขึ้นไป) แล้วยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ ทั้งๆ ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศสม่ำเสมอและไม่ได้คุมกำเนิด นั่นแหละคือสัญญาณที่ควรจะไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุแล้ว ซึ่งการตรวจฮอร์โมนก็เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินภาวะมีบุตรยากที่สำคัญมาก จะได้รู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน จะได้แก้ไขถูกจุด ไม่ใช่มานั่งเดากันไปเรื่อยๆ เสียเวลาเปล่าๆ


Q: การใช้สมุนไพรช่วยปรับฮอร์โมนได้จริงหรือ?

เรื่องสมุนไพรเนี่ย... มันก็มีทั้งที่ใช้ได้ผลและไม่ได้ผลนะ สมุนไพรบางชนิดก็มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนได้จริง เช่น พวกตังกุย หรือโสม แต่ก็ต้องระวังด้วยนะ เพราะบางชนิดก็อาจจะมีผลข้างเคียง หรือไปรบกวนการทำงานของยาอื่นๆ ที่คุณกำลังใช้อยู่ก็ได้ ที่สำคัญที่สุดคือ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรที่มีความรู้จริงๆ ก่อนจะลองใช้อะไรก็ตาม ไม่ใช่สักแต่ว่าจะกินๆ ไป โดยไม่ศึกษาให้ดีก่อน


Q: ถ้าสามีมีปัญหาเรื่องคุณภาพอสุจิ ควรทำอย่างไร?

อ้อ... ปัญหาสามีเรื่องอสุจินี่ก็พบบ่อยนะ ไม่ใช่เรื่องน่าอายหรอก! ถ้าตรวจแล้วพบว่าคุณภาพอสุจิลดลง หรือมีจำนวนน้อยเกินไป สิ่งที่ควรทำคือ ให้สามีของคุณไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะมีบุตรยากของฝ่ายชายโดยเฉพาะเลยนะ เพื่อที่จะได้ตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง อาจจะเกิดจากความเครียด, การใช้ชีวิต, โรคประจำตัว, หรือปัจจัยอื่นๆ แล้วหมอเขาจะแนะนำวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การใช้ยา หรือแม้กระทั่งการทำ IUI/IVF ถ้าจำเป็น


แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม

เว็บไซต์ที่น่าสนใจ

ถ้ายังอยากรู้เรื่องพวกนี้ให้มากขึ้น หรืออยากหาข้อมูลเพิ่มเติมไปถกกับหมอ (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะถกได้เรื่องแค่ไหน) ลองเข้าไปดูสองเว็บนี้ละกัน:

1. โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ - คลินิกเทคโนโลยีเพื่อการเจริญพันธุ์: เว็บนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก และเทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาอย่างละเอียด เข้าใจง่ายดีนะ ถึงจะดูเป็นทางการไปหน่อยก็เถอะ แต่ก็เป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้

https://www.bumrungrad.com/th/services/fertility-center

2. โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ - ศูนย์การแพทย์เพื่อการมีบุตรยาก: เว็บนี้ก็เป็นอีกแหล่งข้อมูลที่ดี มีทั้งข้อมูลเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก การตรวจวินิจฉัย และแนวทางการรักษาต่างๆ ที่น่าจะเป็นประโยชน์

https://www.si.mahidol.ac.th/th/department/obgyn/index.asp?page=sub_service&sub_id=145




ปัญหาฮอร์โมนไม่สมดุลกับการมีบุตรยาก แก้ไขได้อย่างไร

URL หน้านี้ คือ > https://ekaew.com/1753020652-etc-th-local.html

etc


ChiangMai


khonkaen




Ask AI about:

Midnight_Navy